หลังจากเปิดตัวรีวิวรอบสื่อของ forspoken เกมฟอร์มยักษ์ของค่าย Square Enix แถมเป็นผลงานของทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง Final Fantasy 15 ยิ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในเกมฟอร์มยักษ์ที่ออกในช่วงต้นปี แต่คะแนนรีวิวชุดแรกที่ออกมากลับทำได้ผิดคาดมาก เพราะมีทั้งคะแนนต่ำระดับ 5/10 หรือขึ้นหัวว่าเป็นเกมที่ไม่แนะนำให้เล่นกันเลย
โดยคะแนนรีวิว Forspoken รวมเฉลี่ยจากเว็บ Metacritic ในตอนนี้ได้ไป 68% จาก 67 รีวิว ไม่ได้แย่ เพราะมีคะแนนสูดสุด 95% แต่ส่วนใหญ่แล้วนักวิจารณ์จะให้คะแนนอยู่ในระดับกลาง ๆ ทำให้แฟนเกมทั่วโลกที่เล็งไว้ว่าจะซื้อหยุดรอเพื่อตัดสินใจ เพราะว่าราคาเกมก็ไม่ได้ถูก ๆ หลายคนลงความเห็นว่ารอซื้อตอนลดราคาก็แล้วกัน แล้วทำไมเกมระดับ AAA จากค่ายดังถึงไปไม่ถึงฝัน ไปลองวิเคราะห์จากเกมเพลย์และเสียงวิจารณ์กัน
เนื้อเรื่องเชยไปแล้ว forspoken
หลายรีวิวบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องราวใน forspoken ดูเชยมาก การท่องไปในดินแดนใหม่ในโลกแฟนตาซี ไม่ใช่ของใหม่แล้ว แถมเป็นพล็อตเรื่องที่ภาพยนตร์เอาไปใช้ตั้งแต่ยุค 70s – 80S แถมการเดินเรื่องค่อนข้างช้าในช่วงแรกทำให้มันไม่สามารถดึงผู้เล่นให้อินไปกับเรื่องราวได้เท่าที่ควร อีกทั้งมีการบ่นเรื่องการลดความเข้มข้นของเรื่องราวเมื่อเล่นไปถึงช่วงกลางของเกม ทำให้มันไม่น่าติดตาม
จุดเด่นมีน้อยเกินไป
การที่ค่าย Square Enix ลงทุนนำดาราหน้าใหม่อย่าง เอลลา บาลินสกี (Ella Balinska) มาเป็นตัวละครหลัก ที่เธอจะมาให้เสียงพากย์ รวมทั้งโมชันแคปเจอร์ แต่หลายเสียงก็บ่นว่ามันเป็นแค่จุดเด่นจุดเดียวในเกม และก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะเธอเพิ่งจะแจ้งเกิดกับหนัง Charlie Angel ฉบับปี 2019 และดับไปกับซีรีส์ Resident Evil ฉบับ Netflix นอกจากนี้ตัวละครอื่นนอกจากเธอออกแบบได้ธรรมดาไม่มีความโดดเด่น รวมทั้งฉากในเกมก็เหมือนเอามาจากเกม Final Fantasy แล้วเปลี่ยนตัวละครเท่าน้ั้น
เกมเพลย์ไม่สดใหม่
รูปแบบการเล่นมีข้อสังเกตจากแฟนเกมทั่วโลกว่ามันคล้ายกับ inFamous เกมแนว ซูเปอร์ฮีโร่ของ Sony ที่มาแนวแอ็กชันมุมมองบุคคลที่ 3 ที่ตัวเอกจะยิงพลังใส่ศัตรู ซึ่ง Forspoken ก็ใช้แนวทางนี้ เพราะในเกมตัวละครหลักจะอยู่ในโลกแฟนตาซีและยิงเวทมนตร์ใส่ศัตรู และมีการเปลี่ยนประเภทพลังเพื่อเพิ่มความรุนแรง ทำให้มันเหมือนเล่นแนวเดียวกันแค่เปลี่ยนตัวละครกับสถานที่และไม่มีอะไรแปลกใหม่น่าสนใจแล้ว
เกมสั้นเกินไปเมื่อเทียบกับราคา
ปรกติเกมยุคนี้ที่มีราคาค่อนข้างแพง โดยเฉพาะบนคอนโซลยุคใหม่อย่าง PS5 ที่มีราคา 70 เหรียญ แล้วทำให้มันต้องมีความยาวหรือมีอะไรให้ทำมากพอที่จะทำให้เราอยู่กับเกมได้ยาวนาน แต่เกม Forspoken สั้นเกินไปที่จะเป็นเกมแอ็กชัน RPG ฟอร์มดีเพราะมีเสียงบ่นหนัก ๆ ว่าสามารถเล่นเกมจนจบภายในเวลาไม่ถึง 9 ชั่วโมงด้วยซ้ำ นี่นับเวลาของคัตซีนรวมไปแล้วด้วยถือว่าสั้นมาก
ภารกิจซ้ำซาก ฉากในเกมไม่โดดเด่น
นอกจากนี้ภารกิจในเกมยังมีข้อติว่าค่อนข้างน่าเบื่อ เพราะใช้รูปแบบเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา บอสในเกมก็ไร้เสน่ห์เหมือนเอาของเหลือจาก Final Fantasy มาปรับนิดหน่อย แล้วยัดเข้ามาเลย บางตัวลดรายละเอียดของกราฟิกลงด้วย ทำให้มันเหมือนจะเป็นการไม่ลงทุนนัก เช่นเดียวกับโลกในเกมที่กว้างแต่กลับไม่มีอะไรโดดเด่นนัก ดูโล่ง ๆ งานออกแบบฉากก็ไม่ดีเท่ากับเกมอื่นของค่าย
ส่วนดีก็มีแต่ยังไม่สุด
ใช่ว่ามันจะโดนวิจารณ์ในแง่ลบอย่างเดียว ข้อดีมันก็มีโดยเสียงชื่นชมส่วนใหญ่จะอยู่ที่ความรวดเร็วของเกมเพลย์ ที่ทีมงานได้ใช้รูปแบบการวิ่งด้วยความเร็วสูงและการปีนป่ายไต่กำแพงหรือที่เรียกว่า Parkour มาใช้เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของตัวละครหลักตลอดเกมและทำได้ดีด้วย แถมยังอัปเกรดเพราะตัวเอกมีพลังพิเศษทำให้มันดูสนุก อย่างไรก็ตามรูปแบบนี้มันก็มีมาตั้งแต่เกม inFamous แล้วทำให้หากเคยเล่นมาก่อนมันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่
ส่วนระบบอัปเกรดตัวละครก็มีเสียงชมในระบบเพิ่มท่าใหม่ผ่านการปรับแต่งเล็บของตัวละครหลัก เพราะเป็นไอเดียดีเหมาะกับตัวละครที่เป็นผู้หญิง แต่ส่วนยังดูธรรมดาทั้งการเปลี่ยนชุดหรือเก็บค่าประสบการณ์ รวมทั้งระบบการสร้างไอเทมเช่นยาเติมพลังชีวิตที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าที่ควร
เกม forspoken คุ้มค่าหรือไม่แนะนำว่าอย่าเพิ่งเชื่อเสียงวิจารณ์ เพราะรสนิยมของคนไม่เหมือนกันของที่ไม่สนุกสำหรับบางคน สำหรับคุณอาจจะสนุกก็ได้ ใครที่ชื่นชอบแนวทางของเกมจากญี่ปุ่นที่สร้างโดยทีมงาน Final Fantasy ที่มีอะไรหวือหวามีเกมเพลย์ที่มีลีลาสวยงามและเกมเพลย์รวดเร็ว แถมมีการผสมความเป็นตะวันตกเข้ามาเล็กน้อยด้วยการเอาดาราฮอลลีวูดมาเล่น มันก็พอจะมีอะไรน่าสนใจ หรือใครจะรอให้เกมลดราคาก่อนค่อยซื้อก็ไม่ถือว่าผิด เพราะเกมไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องมากนักทำให้ไม่ต้องรีบเล่นเพราะกลัวจะโดนสปอยล์เรื่องราว